พิมพ์เนื้อตะกั่ว เป็นพระปิดตา นั่งขัดสมาธิราบด้านหลังเรียบ ด้านหลังมีทั้งที่ลงเหล็กจาร บางองค์ก็ไม่ได้ลง 3. พิมพ์ปั้น เป็นพระปิดตาลอยองค์ เนื้อผง เช่นเดียวกับพิมพ์มาตรฐาน เกิดจากการปั้นทีละองค์ ขนาด และรูปร่างจึงแตกต่างกันไป เนื้อผงคลุกรัก(เนื้อสีกะลา) พิมพ์ปั้น เนื้อผงคลุกรัก จ. ชลบุรี เนื้อผงคลุกรัก จุ่มรัก วัดปากทะเล จ.
พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ. ชลบุรี มีประวัติความเป็นตำนานเล่าขานเป็นส่วนใหญ่ ปีที่ท่านเกิด และมรณภาพไม่แน่นอนแต่พอสรุปได้ว่า ท่านเกิดที่จังหวัดเพชรบุรี ประมาณปี พ. ศ. 2346-พ. 2351 อุปสมบท ณ วัดพระทรง จ. เพชรบุรี มรณภาพประมาณปี พ. 2420-พ. 2431 การสร้างพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว ท่านสร้างมาเรื่อยๆ น่าจะอยู่ราวๆปี พ. 2400-2430 ซึ่งมีแบบพิมพ์มาตรฐาน เนื้อผง พิมพ์ตะกั่ว และพิมพ์ลอยองค์ หรือที่เรียกกันว่า พิมพ์ปั้น รุ่นลากซุง เดิมหลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ อยู่วัดปากทะเล จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาท่านได้ธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ เลียบชายฝั่งทะเลไปภาตะวันออก และหยุดพักปักกรดที่ อำเภอเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี ณ ที่นี้ มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านได้ร่วมใจกันอาราธณาหลวงพ่อแก้ว ให้สร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านเครือวัลย์ ในการสร้างวัดนี่เองคือที่มาของการนำซุงมาร่วมกันสร้างวัด และหลวงพ่อแก้วได้มอบพระปิดตาลอยองค์นี้ให้แก่ผู้ที่นำซุงมาให้ พิมพ์พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว แบ่งได้ ดังนี้ 1. พิมพ์มาตรฐาน พระปิดตา หลังแบบ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พระปิดตา หลังยันต์ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พระปิดตา หลังเรียบ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก 2.
ลำพูน พระพิมพ์เนื้อดินเผาที่ได้รับความนิยมสูงเคียงคู่มากับ พระคง ที่มีลักษณะรูปทรงพิมพ์พระเป็น พุทธศิลป์สมัยคุปตะ คล้ายกัน..... องค์พระนั่งปางมารวิชัย ในซุ้มปรกโพธิ์ ๒๐ ใบ เหนือฐานบัวกลม ๒ ชั้น เหมือนกัน ต่างที่ขนาดองค์และพิมพ์พระ ที่ดูมีความบอบบางกว่าองค์พระ มีเนื้อน้อยกว่า โดยเฉพาะด้านหลังจะมีลักษณะอูมบางเกือบเรียบ และพระกรซ้ายตรงข้อศอก มีลักษณะยกสูง ทำมุมเฉียงต่างจากพระคง ที่วางมุมตรงแบบหักศอก ๙๐ องศา..... ค้นพบครั้งแรกมากสุดที่ กรุวัดดอนแก้ว เมื่อปี พ. ๒๔๘๔ และได้มอบให้ทหารที่ร่วมทำสงคราม ต่อมา พบอีกครั้งที่ กรุบ้านครูขาว ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของวัดพระคง..... พระพุทธรูป พุทธศิลป์สมัยเชียงแสนสิงห์ ๓ หน้าตัก ๘ นิ้ว ของ ประพาฬรัตน์ ตาดชูวงษ์. ลักษณะรูปทรง พิมพ์พระ จุดตำหนิเหมือน กรุวัดดอนแก้ว ต่างกันที่เนื้อพระกรุนี้ จะมีเม็ดกรวดทรายปนอยู่มากและพิมพ์พระจะตื้นกว่า..... และครั้งที่ ๓ พบที่ กรุวัดพระคงฤๅษี พบอยู่ปนกับพระสกุลลำพูนอื่นๆ จำนวนไม่มากนัก แต่องค์พระจะมีลักษณะล่ำใหญ่ พิมพ์พระจะคมชัด ใบโพธิ์ลึก เนื้อพระ และลักษณะด้านหลัง มีทั้งแบบปาด แบบคลึง เหมือนพระคงเป๊ะ..... องค์นี้ของ มร. อึ๊ง ก๊อก เส็ง ชาวมาเลเซีย ที่นิยมสะสมพระเครื่องไทย โดยเฉพาะพระหลักยอดนิยม องค์งามๆดูง่ายๆ แบบรู้ลึกรู้จริง อย่างองค์นี้ที่เห็นปุ๊บซื้อปั๊บ ยืนยันได้ว่าอาเฮีย ดูเป็นเล่นได้ด้วยตัวเองจริงๆ..... ลงมาภาคกลาง ดู พระพิมพ์สมาธิ เข่ากว้าง วัดราชสิทธาราม เขตบางกอกใหญ่ กทม.
ศ 2489 ทำให้เจ้าเพ็ดชะราช อพยพหลบภัยไปมาอยู่ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2489 และเดือนธันวาคม พ. ศ 2489 ได้รับเชิญให้เป็นประมุขของขบวนการลาวอิสระพลัดถิ่นหรือคณะกู้ชาติในกรุงเทพฯ เดือนมีนาคม พ. ศ 2500 ได้เดินทางกลับลาว เจ้าเพ็ดชะราช กลับไปประเทศลาวได้เพียง 2 ปีก็เสด็จสวรรคตในวันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.
เสี่ย สมคิด หัวเราะเสียงลั่น บอกว่า ผมไม่ได้รวยจากการขายของเก่า แต่รวยจากการขายพระเก่า ที่ได้มาจากการซื้อเหมาของเก่าจากบ้านหลังหนึ่ง มี ตู้ไม้ ตั่งเตียง ถ้วยโถโอชามธรรมดา ไม่มีราคามากนัก..... แต่ มีเฮง ที่ได้ตุ่มใส่ข้าวสาร ที่มีห่อผ้าฝังอยู่ข้างใต้ เปิดดูเป็นพระเครื่อง ๓ องค์ เอาไปให้เซียนพระดู เขาบอกเป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม ทั้งหมด ขอซื้อเหมาต่อให้ราคา ๕ ล้าน ผมเลยขายไป ได้เงินมาซื้อรถ ซื้อบ้าน อย่างที่เถ้าแก่เห็น..... เถ้าแก่ฟังแล้วทำท่าจะรีบกลับ เสี่ยสมคิด ก็ทักว่าจะรีบกลับไปไหน เถ้าแก่บอกว่าจะรีบกลับไปเขียนป้ายหน้าร้านเพิ่มว่า รับซื้อพระเก่า เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ. สีกาอ่าง
อีกรายการเป็น พระพิมพ์ทรงครุฑใหญ่ หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.
๒๐๒๒ มีเรื่องทางฝ่ายหลวงพระบางเล่าว่า เมื่อพระเจ้าโพธิสารราชาธิราชเสวยราชย์ กรุงศรีสัตนาคนหุตนั้น มีพระมหาเถระองค์หนึ่งมาจากนครเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารได้ปฏิบัติบูชาแสดงความเคารพพระเถระเป็นอย่างดี พระเจ้าเชียงใหม่ทรงทราบว่าพระเจ้าโพธิสารเป็นกษัตริย์ทรงธรรม มีความยินดีจัดส่งพระราชธิดามาถวายให้เป็นอัครมเหสี ซึ่งต่อมามีพระโอรสทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าไชยเชษฐา เมื่อพระเจ้าเชียงใหม่สวรรคต ขุนนางข้าราชการได้ไปเชิญพระไชยเชษฐาให้มาเป็นกษัตริย์เชียงใหม่เมื่อ พ. ๒๐๙๓ ครั้นถึง พ. ๒๐๙๕ พระเจ้าโพธิสารสวรรคต พระไชยเชษฐาจะเสด็จไปถวายพระเพลิงพระราชบิดา จึงอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระพุทธสิหิงค์จากนครเชียงใหม่ไปนครหลวงพระบางด้วย อีก ๑๒ ปีต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาย้ายราชธานีไปอยู่ที่เวียงจันทน์อยู่เป็นเวลานาน จนกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายเมื่อ พ.
นครปฐม เนื้อดิน ปั๊มโค๊ต ฝังตะกรุด ปี๒๕๕๕ ได้ขายผลิตภัณฑ์ 0. แม้ว่านี่จะไม่ใช่ร้านค้า จี้พระผงเจ้าสัว รุ่นเจ้าสัวสยาม (ของหลวงพ่อคง) วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม เนื้อดิน ปั๊มโค๊ต ฝังตะกรุด ปี๒๕๕๕ อย่างเป็นทางการของแบรนด์ $ที่ Shopee แต่คุณสามารถลองสังเกตและเรียนรู้เกี่ยวกับการขายความคิดเห็นรายการโปรดสำหรับ จี้พระผงเจ้าสัว รุ่นเจ้าสัวสยาม (ของหลวงพ่อคง) วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม เนื้อดิน ปั๊มโค๊ต ฝังตะกรุด ปี๒๕๕๕ เนื่องจากราคา ฿2, 890 ดีกว่าการซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการลดลง ฿0 - สามารถใช้แทนของเดิมได้เลยไม่ต้องดัดแปลง จี้พระผงเจ้าสัว รุ่นเจ้าสัวสยาม (ของหลวงพ่อคง) วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม เนื้อดิน ปั๊มโค๊ต ฝังตะกรุด ปี๒๕๕๕ เลี่ยมทองแท้75% เลี่ยมกันน้ำ ใส่กับสร้อยคอหนัก 2บาท 3บาท 4 บาท 5บาทได้ค่ะ - ขาติดกระจกใช้แทนของเดิมที่ชำรุด
พระบาง (ตอนแรก): คอลัมน์รู้ไปโม้ด โดย…น้าชาติ ประชาชื่น เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด พระบาง (ตอนแรก) – น้าชาติ อยากทราบประวัติพระบางที่มาคู่กับพระแก้ว และอยู่ที่วัดใด มณีโชติ ถาม พระบาง (ตอนแรก) – ตอบ มณีโชติ: ปัจจุบันพระบาง ประดิษฐาน ณ หอพระบาง พิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ทั้งนี้ ย้อนไปรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงส่งกองทัพเข้ายึดครองอาณาจักรล้านช้าง ได้อาราธนาพระบางและพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่กรุงธนบุรี ตราบกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์ จึงอัญเชิญพระบางกลับหลวงพระบาง พระบาง พระบางเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร สูง 2 ศอก 7 นิ้ว (1. 14 เมตร) หล่อด้วยสำริด (ทองคำผสม 90 เปอร์เซ็นต์) มีอายุอยู่ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 ศิลปะเขมรแบบบายนตอนปลาย พุทธลักษณะ ประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้น นิ้วพระหัตถ์เรียบเสมอกัน พระพักตร์ค่อนข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงเป็นรูปปีกกา พระเนตรเรียว พระนาสิกค่อนข้างแบน พระโอษฐ์บาง พระเศียรและพระเกตุมาลาเกลี้ยงสำหรับสวมเครื่องทรง บั้นพระองค์เล็ก พระโสภีใหญ่ ครองจีวรห่มคลุม แลเห็นแถบสบงและหน้านาง พระบางเป็นพระพุทธรูปสำคัญของอาณาจักรล้าน ช้าง เดิมประดิษฐานอยู่ที่นครหลวงของอาณาจักรขอม ตำนานเล่าไว้ พระจุลนาคเถระได้สร้างพระบางขึ้นเมื่อพ.
ศ. 436 ที่กรุงลังกา เมื่อหล่อสำเร็จแล้วพระเถระเจ้าได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไว้ในองค์พระ 5 แห่ง คือ พระศอ พระนลาฏ พระชานุ พระอุระ และข้อพระกรทั้งสองข้าง เนื้อองค์พระบางมีน้ำหนักทองคำ ทองแดง และเงิน 52 กิโลกรัม 85 มิลลิกรัม สูง 4 คืบ (ประมาณ 1. 14 เมตร) พระสุคตแต่ปลายพระเกศาถึงพระเมาลีอีก 7 นิ้ว ต่อมาเมื่อพ. 1389 พระเจ้าจันทราชแห่งอินทปัตนคร (ขอม) ได้ไปขอพระบางจากพระเจ้าสุบินทราชาแห่งลังกาประเทศมาไว้ที่กรุงอินทปัตนคร จนเมื่อพ.