20 หน่วยเดิม: 1 หน่วยใหม่ จะขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ(XB)ในวันที่ 11 ต. ค. 62 คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 2. 25 หมื่นล้านบาท และจะกู้เงินจากสถาบันการเงินอีกไม่เกิน 1. 55 หมื่นล้านบาท รวมถึงกู้เงินสถาบันในประเทศไม่เกิน 2. 66 พันล้านบาทเพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) เพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 700, 000 คอร์กิโลเมตร ประเมินสินทรัพย์ใหม่มีอายุการใช้งานที่ 35 - 40 ปี โดยหากเข้าลงทุนแล้วจะส่งผลให้กองทุนเป็นเจ้าของเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้นเป็น 1, 680, 500 คอร์กิโลเมตร ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย แม้สินทรัพย์ใหม่จะเพิ่มปริมาณเส้นใยแก้วนำแสงถึงเกือบเท่าตัว แต่ราคาหน่วยตอบรับในทางลบทันที เพราะราคาเพิ่มทุนถูกกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก โดย บล. กสิกรไทยประเมินราคาจองซื้อไว้ที่ 9. 80 บาท/หน่วย ขณะที่บล. ดีบีเอสวิคเคอร์สเคยประเมินไว้ถึง 10. 30 บาท/หน่วยเลยทีเดียว คิดเป็นส่วนลดถึง 18% จากราคาปิดวานนี้ 11 บาท ดังนั้นการเพิ่มทุนครั้งนี้จึงมี Dilution Effect อยู่ที่ 31. 25% สำรวจศักยภาพสินทรัพย์ใหม่ พร้อมมองมุมกลับ!
33% ดังนั้น หากทำการขายหุ้นออกมาโดยยังคงสัดส่วน 23. 51% เท่ากับว่า JAS จะทำการขายหน่วยลงทุนออกมาราว 550 ล้านหน่วย เมื่อเทียบกับราคา JASIF ล่าสุดที่ประมาณ 10 บาทต่อหน่วย JAS จะได้รับเงินจากการขายหน่วยลงทุนครั้งนี้ราว 5. 50 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ล่าสุด ณ เวลา 10. 17 น. อยู่ที่ 7. 60 บาท ปรับตัวขึ้น 0. 30 บาท หรือ 4. 11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 449. 24 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 5. 86 จุด ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" JAS กำหนดราคาพื้นฐาน 9. 78 บาท/หุ้น หลังความคืบหน้าของ JAS ในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เฟส 2 ครั้งที่ 1 ซึ่งจากข้อมูลทางด้าน JASIF คาดว่าจะมีการซื้อสินทรัพย์เสร็จภายในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2563 แสดงว่า JAS จะต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติขายสินทรัพย์และมีการอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นตามมา โดยหลังจากนั้นจะใช้เวลาในการยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก. ล. ต. ) ให้แล้วเสร็จทันประมาณปลายไตรมาส 4/2562 จึงคาดว่า JAS ขายสินทรัพย์เข้า JASIF จะเกิดขึ้นได้ประมาณปลายปี 2562 โดยราคาขายเฟส 2 ครั้งที่ 1 คาดว่าจะอยู่ที่ 35, 000 ล้านบาท สำหรับสินทรัพย์เป็นไฟเบอร์ ออปติกจำนวน 650, 000 คอร์กิโลเมตร หากอ้างอิงอัตรากำไรที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เฟส 1 คาดว่ากำไรก่อนภาษีในการขายเฟส 2 ครั้งที่ 1 อยู่ที่ 11, 600 ล้านบาท และกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 9, 200 ล้านบาท ดังนั้นส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2562 ของ JAS สูงไปถึง 11, 400 ล้านบาท เติบโต 104% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4, 912.
96%) แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการใช้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในบ้านเรายังมีทิศทางที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วปัจจุบันผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีใครบ้าง? ปัจจุบัน ตลาดนี้ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งหมด 4 ราย คือ TRUE ครองส่วนแบ่งร้อยละ 38 3BB ครองส่วนแบ่งร้อยละ 32 TOT ครองส่วนแบ่งร้อยละ 17 AIS ครองส่วนแบ่งร้อยละ 9 ตอนนี้ 3BB เป็นผู้นำในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงร่วมกับ True และเมื่อดูจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของครัวเรือนไทย แสดงให้เห็นว่าโอกาสการเติบโตของตลาดนี้ยังมีอีกมาก.. พอเรื่องเป็นแบบนี้ TTTBB จึงตัดสินใจขายทรัพย์สินเพิ่มเติมเข้ากองทุน JASIF เพื่อนำเงินทุนที่ได้จากการขายทรัพย์สินไปเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ และต่อยอดกิจการเพิ่มเติม.. แล้วรายละเอียดก่อน-หลังการขายทรัพย์สินของกองทุน JASIF เป็นอย่างไร? ก่อนลงทุนเพิ่ม.. JASIF ถือครอง ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 980, 500 คอร์กิโลเมตร โดยมีรายได้จากค่าเช่าในปี 2561 เท่ากับ 5, 814. 5 ล้านบาท หลังการเพิ่มทุน.. JASIF จะถือครอง ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงไม่เกิน 1, 680, 500 คอร์กิโลเมตร โดยคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าในปี 2563 ประมาณ 10, 172.
99 บาท/หน่วย "คาดว่าปี 2563 อัตราผลตอบแทน (ยีลด์) จะเพิ่มมาเป็น 11. 5% (อิงราคาหน่วยลงทุนปัจจุบันที่ 9 บาท/หน่วย) ขณะที่ปีนี้คาดว่ายีลด์อยู่ที่ 8. 3% บนราคา 11 บาท/หน่วย เหตุผลที่อัตราผลตอบแทนดีขึ้น เพราะ DPUดีขึ้น " นอกจากนี้นายพรชลิต กล่าวว่า ในภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำและประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังต่ำอยู่ในช่วง 1-2 ปี กองทุน JASIF น่าจะตัวเลือกในการลงทุนเพราะนอกจากอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับดี ซึ่ง JASIF ถือเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ให้อัตราผลตอบแทนดีเป็นอันดับ 2 ของทั้งหมดที่มี 8 กองทุน และเงินปันผลที่ได้รับยังสามารถยกเว้นภาษี ได้อีก 5 ปี หลังจาก JASIF ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 5 ปี มาดูประวัติการจ่ายเงินปันผลของกองทุน JASIF ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าฟอร์มดีทีเดียว โดยจ่ายเงินปันผลและเงินลงทุนแล้ว รวม 4. 07 บาท/หน่วย หรืออัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 8-9% ต่อปี นอกจากนี้ JASIF ได้รับการต่ออายุสัญญาเช่าจาก TTTBB ของทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง สัดส่วน 80% ของสินทรัพย์ครั้งแรก ที่มี 980, 000 คอร์กิโลเมตร ที่จะหมดสัญญาในวันที่ 22 ก. พ. 2569 ขยายออกไปหมดอายุในวันที่ 22 ม. 2575 จากกรณีนี้ บลจ.
40 บาท ไปเกือบๆ 4 บาท ครั้งที่สองจากราคา 1. 5-2 บาท ไป 10 บาทและล่าสุดเกิดขึ้นปีนี้ จากราคา 3 บาท ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุด (ดอย) ใหม่ที่ 10. 20 บาท สาเหตุที่ผมยกให้ JAS เป็นหุ้นแห่งทศวรรษ เพราะเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการที่จะสร้างให้คนที่เล่นเป็นเศรษฐี ดังนี้ 1. ) เทิร์นอะราวนด์ในเชิง Business Model ก่อนหน้าที่ พิชญ์ จะเข้ามาบริหาร JAS เคยดำเนินกิจการเป็นผู้ประมูลและรับจ้างทำงานด้านโทรคมนาคมมาก่อน เช่น วางระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีลูกค้าสำคัญเป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่สำคัญต้องแบกรับผลขาดทุนกว่า 21, 135 ล้านบาทของ บมจ.
ล. ต. ) ลงโทษผู้บริหาร JAS ความผิดฐานสร้างราคาหุ้น รวมถึงราคากองทุน JASIF ในตลาดได้ปรับตัวลดลงนั้น นายพรชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้กองทุน JASIF ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะไม่ได้ลงทุนในหุ้น แต่ลงทุนทรัพย์สินจาก JAS ซึ่งทรัพย์สินมีลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนราคา JASIF ในตลาดปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ปรับตัวลง ขณะที่ JAS จะได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินให้กองทุน JASIF จำนวน 3. 8 หมื่นล้านบาท หลังจากเปิดจองซื้อหน่วยลงทุนไปแล้ว 1 สัปดาห์
ค. 61 ที่ 10. 40 บาท จะมีมูลค่าอยู่ที่ 13, 448, 760, 000 ล้านบาท ปัจจุบัน JAS มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ นายพิชญ์ โพธารามิก ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 55. 8% และมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 24, 119 ราย สัดส่วนถือหุ้น 35. 49% ที่ผ่านมา JAS มีผลงานผันผวนทั้งจากธุรกิจหลักและการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF โดยมีกำไรสุทธิปี 58 อยู่ที่ 15, 710. 41 ล้านบาท ก่อนที่จะปรับลดลงมาในปี 59 - 60 เหลือเพียง 3, 001. 61 ล้านบาท และ 2, 693. 39 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่งวดครึ่งแรกปี 61 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4, 401. 37 ล้านบาท จากการบันทึกกำไรขายหน่วยลงทุน JASIF เข้ามา 3, 650 ล้านบาท JAS เป็นหุ้นที่มีจุดเด่นในเรื่องของการจ่ายเงินปันผล โดยเฉพาะในปี 60 ที่จ่ายปันผลรวมสูงถึง 0. 80 บาท ขณะที่มีกำไรต่อหุ้น (EPS) เพียง 0. 42 บาท โดยเป็นการจ่ายปันผลพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ส่วนในปี 61 จ่ายปันผลระหว่างกาลแล้ว 0. 30 บาท วันนี้ราคาหุ้น JAS พุ่งแรงตั้งแต่เปิดตลาดพร้อมกับปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นเกินปกติ ตรวจสอบพบนักวิเคราะห์ยกให้เป็นมหัศจรรย์หุ้นปันผล โดยให้จับตาสัดส่วนถือ JASIF ที่ยังมีโอกาสลดสัดส่วนลงอีกในปีนี้ ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะบันทึกกำไรราว 1.