4 (ก) จะเห็นว ำ จะทำให เกิดกระแส I ไหลในวงจร และกระแส I ดังกล ำวนี้ จะเป นตั วท ำให เกิดแรงดันตกคร อมที่ R และ C คือ VR (IR) และ VC (IXC) ตำมลำดับ โดยกระแส I ที่ไหลใน วงจรจะอินเฟสกับแรงดัน VR และจะนำหน ำแรงดัน VC ไปเป นมุม 90° ไดอะแกรมของรูปคลืน่ ของวงจร RC อนุกรม • ไดอะแกรมของรู ปคลื่นของวงจร RC อนุกรม ดังในรู ปที่ 5.
1. ต้องใช้กระแสตรงกี่แอมแปร์ จึงจะทำให้เกิดความร้อนบนตัวต้านทานเท่ากับที่เกิดจากกระแสสลับซึ่งมีแอมพลิจูด ( Im) เท่ากับ 2. 0 แอมปร์ 1 1. 414 2 2. 828 เฉลย 2. จงหาความต้านทานเชิงการเหนี่ยวนำของตัวเหนี่ยวนำ 10 มิลลิเฮนรี และความต้านทานเชิงความจุของตัวเก็บประจุ 0. 1 ไมโครฟารัดที่ความถี่ 200/ p เฮิรตซ์ เป็นโอห์ม 4: 25000 40000: 2. 5 2. 5: 25000 4: 40000 เฉลย 3. จงหาความต่างศักย์คร่อม R, L และ C ในวงจร RLC อนุกรมเป็นโวลต์ ถ้า V = 100 sin 1, 000t โวลต์ กำหนด R = 1, 000 โอห์ม, L = 2 เฮนรี และ C = 1 m F 0. 71, 0. 71 71, 142, 71 1000, 2000, 1000 141, 1414, 0. 71 เฉลย 4. L = 0. 14 H R = 12W จากรูป จงคำนวณหา ความต้านทานเชิงซ้อน (Z) ของวงจรเป็นโอห์ม 12 14 25 11 เฉลย 5. ความต้านทานรวมของวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ เรียกว่าอะไร ความต้านทานรวม ความต้านทานเชิงซ้อน ความต้านเชิงความจุ ความต้านเชิงความเหนี่ยวนำ เฉลย ข้อ. 2 6. ในวงจร R ค่ากระแสและความต่างศักย์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร 1. มีเฟสตรงกัน 2. เฟสกระแสนำเฟสความต่างศักย์ 3. เฟสความต่างศักย์นำเฟสกระแส 4. เฟสกระแสกับความต่างศักย์มีเฟสตรงข้ามกัน เฉลย ข้อ 1. 7.
แม้ว่าเอาท์พุทถูกนำข้ามตัวต้านทานความถี่สูงจะถูกปฏิเสธและส่งผ่านความถี่ต่ำ ในการกำหนดค่านี้วงจรจะทำงานเป็นไฟล์ กรองผ่านต่ำ.
ใน RL วงจรขนาน ตัวต้านทานและตัวเหนี่ยวนำมีการเชื่อมต่อในแบบคู่ขนานกันและการรวมกันนี้จะถูกจัดทำโดยแหล่งกำเนิดแรงดันไฟฟ้า, V ใน. แรงดันเอาต์พุตของวงจรคือ V ออก.
ตัวต้านทาน ตัวเหนี่ยวนำ และตัวประจุต่ออนุกรมกัน มีหลักสำ คัญคือ 1. R L และ C มีกระแส I ตัวเดียวกัน 2. ความต่างศักย์รวม V มีค่าเท่ากับเวกเตอร์ลัพธ์ของเวกเตอร์ VR VL และ VC เช่นเดียวกับที่แล้วมา ผลรวมของ R XL และ XC มีชื่อเรียกว่า ความชัด (impedance) และเขียนด้วยอักษร Z รูป (ก) R L และ C ต่อกันแบบอนุกรม (ข) เวกเตอร์แสดงความต่างเฟสของกระแสความต่างศักย์ (ค) เวกเตอร์แสดงความต่างเฟสของ R X C X L และกระแส ในสมการสุดท้ายนั้นตัดกระแสไฟฟ้า I ออกได้หมด เหลือ สมการสุดท้ายนี้ ทำให้สามารถเขียนแผนภาพแสดงเฟสได้ดังรูป (ค) ค่าของมุมเฟส Ø อาจหาได้ จากรูปคือ ได้ค่าของ tan Øเท่ากัน ตัวอย่าง วงจรไฟฟ้ากระแสสลับวงหนึ่งประกอบด้วย ตัวต้านทาน 600 โอห์ม ตัว เหนี่ยวนำขนาด 0. 2 เฮนรี และตัวจุขนาด 1 ไมโครฟารัด ต่อกันอย่างอนุกรมเรียงกันไป ตามลำดับ กำหนดให้ ω =1, 000 เรเดียนต่อวินาที และมีกระแสไฟฟ้า 0. 1 แอมแปร์ ให้หา ก. ความต้านแห่งการเหนี่ยวและความต้านแห่งการจุ ข. ความต่างศักย์ระหว่างปลายของตัวต้านทาน ตัวเหนี่ยวนำ และตัวจุแต่ละอัน ค. ความต่างศักย์รวมทั้งหมด วิธีทำ ก. ความตานแห่งการเหนี่ยวน า X L = ω L = 1, 000x0. 2 = 200 โอห์ม ความต้านแห่งการจุ ข. R L และ C ต่ออนุกรมกันดังรูปมีหลักสำคัญว่า การต่ออนุกรมกันจะต้องมี กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเป็นอันเดียวกัน คือ 0.
8 = 144 VA P = EI t cos q = 80 X 1. 8 X 0. 569 = 82 W Q = EI t sin q = 80 X 1. 8 X sin55. 3 ° = 50 X 1. 66 X 0. 822 = 118. 4 VAR เขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรมของแรงดันและกระแสได้ดังนี้ จากรูปเฟสเซอร์ไดอะแกรมของวงจร R – C ขนาน เราจะสังเกต ได้ดังนี้ 1. I R และ E จะอยู่เฟสเดียวกัน ( มีมุมเท่ากัน) 2. I t จะนำหน้า E เท่ากับมุม q 3. I R จะตามหลัง I C และจะทำมุมกัน 90 องศา 4. ผลรวมของ I R และ I C จะมีค่าเท่ากับกระแสทั้งหมดในวงจร คือ I t
4. 1 วงจรกรองความถี่แบบ R – C 4. 2 วงจรกรองความถี่แบบ R – L 4. 3 วงจรกรองความถี่แบบ L – C 4. 4 วงจรกรองความถี่แบบ R – L – C 4. 5 คริสตอลฟิลเตอร์ วงจรกรองความถี่ (Filter Circuit) วงจรกรองความถี่ คือวงจรที่เลือกความถี่ให้ผ่านไปได้ โดยใช้คุณสมบัติของ RLC ที่มีการตอบสนองต่อความถี่ต่างกัน วงจรกรองความถี่นิยมใช้งานวงจรของวิทยุ ที่ใช้การตัดความถี่คลื่นพาออกไป หรือใช้ในวงจรดีมอดูเลชั่นของโทรทัศน์ หากในวงจรเครื่องเสียง ก็จะใช้เลือกความถี่ให้เหมาะสมกับลำโพงที่จะใช้งาน หรือปรับแต่งความถี่ที่ผ่านได้ เพื่อให้ระบบเสียงโดยรวมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 1. ตัวต้านทาน (R: Resistor) คุณสมบัติของ R คือต้านทานกระแสไฟฟ้า ดังนั้นเมื่อมาอยู่ในไฟฟ้ากระสลับ ก็มีคุณสมบัติแบบเดียวกัน โดย 2. ตัวเหนี่ยวนำ (L: Inductor) คุณสมบัติของ L คือจะยอมให้ความถี่ต่ำผ่านเท่านั้น ยิ่งความถี่สูงมากเท่าใด ความต้านทานภายในตัวของมันก็ยิ่งสูงขึ้น สูตรการคำนวนคือ 3. ตัวเก็บประจุ (C: Capacitor) คุณสมบัติโดยปกติของตัวเก็บประจุ จะยอมให้ความถี่สูงผ่าน สูตรการหาความต้านทานของ C เมื่ออยู่ในไฟฟ้ากระแสสลับ คือ การแบ่งประเภทของวงจรกรองความถี่ แบ่งตามการตัดความถี่ได้ดังนี้ 1.
จำนวนผู้เยี่ยมชมหน้านี้ ลักษณะการต่อวงจร R – C ขนาน การต่อวงจรความต้านทานและตัวเก็บประจุขนานกัน จะสามารถหาค่าต่างๆ ของวงจรได้ดังนี้ จากวงจร จงหาค่า 1. กระแสที่ไหลผ่าน R, C และกระแสทั้งหมด 2. มุมของเฟส ( q) 3. เพาเวอร์แฟคเตอร์ ( pf) 4. กำลังไฟฟ้าจริง ( P) กำลังไฟฟ้าปรากฏ ( S) และกำลัง ไฟฟ้าต้านกลับ ( Q) 5. เขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรมของแรงดันและกระแส โดยปกติก่อนที่เราจะหาค่าต่างๆ ได้ จะต้องเริมต้นด้วยค่าพื้นฐานของวงจรก่อน ซึ่งถ้าเป็นวงจรแบบขนานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับเราจะนิยมหาคุณสมบัติของวงจรเป็นค่าความนำของโหลด ซึ่งในวงจรนี้ คือค่า G, B C และ Y ซึ่งสามารถหาค่าได้ดังนี้ เมื่อหาคุณสมบัติความนำของวงจรได้แล้วก็เริ่มหาคุณสมบัติต่างๆ ของวงจรได้ดังนี้ 1. หาการะแสของวงจร กระแสที่ไหลผ่านความต้านทาน R I R = EG = 80 Ð 0 ° X 0. 013 Ð 0 ° = 1 Ð 0 ° A กระแสที่ไหลผ่านตัวเหนียวนำ L I C = EB C = 80 Ð 0 ° X 0. 0188 Ð 90 ° = 1. 5 Ð 90 ° กระแสทั้งหมดของวงจร I t = EY = 80 Ð 0 ° X 0. 0228 Ð 55. 3 ° = 1. 8 Ð 55. 3 ° 2. หามุมของเฟส ( q) 3. หาเพาเวอร์แฟคเตอร์ ( pf) pf = cos q = cos 55. 3 ° = 0. 569 4. หากำลังไฟฟ้าจริง ( P) กำลังไฟฟ้าปรากฏ ( S) และกำลัง ไฟฟ้าต้านกลับ ( Q) S = EI t = 80 X 1.