75 ดิฉันได้เคยศึกษาและเคยผ่านงานในด้านการประชาสัมพันธ์มาแล้ว นอกจากนี้ยัง มีความสามารถด้านโปรแกรมสำเร็จรูป เช่น dBase, Lotus และ Wordstar และพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร ดิฉันเคยทำงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท อีเอ็มเอส โดยทำงานพนักงานประชาสัมพันธ์เป็นเวลา 3 ปี ท่านอาจจะสอบถามประวัติส่วนตัวของดิฉันเกี่ยวกับการศึกษา ความประพฤติ และประสบการณ์ในการทำงานของดิฉันได้จากบุคคลต่อไปนี้ 1. อาจารย์อัจฉรา ปัญฑรานุวงศ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 2.
ผู้สมัครมิได้อ่านคำโฆษณาให้ครบถ้วนกระบวนความ 2. ผู้สมัครมิได้พิจารณาถึงลักษณะงานในตำแหน่งที่ตนเองจะสมัคร 3. ผู้สมัครไม่ได้ประมาณ หรือ รู้ถึงความรู้ความสามารถของตนเอง สรุป ก็คือ จากจดหมายฉบับดังกล่าว ผู้พิจารณาคัดเลือกจดหมายวิเคราะห์ว่า 1. ผู้สมัครไม่ละเอียดรอบคอบ 2. ผู้สมัครไม่รู้จัก "ประมาณตนเอง" หรือไม่ก็ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป 3. ผู้สมัครขาดจุดมุ่งหมาย เห็นประกาศรับสมัครมีตำแหน่งงานอะไรที่ตนสนใจ ก็เขียนจด หมายไปแบบเสี่ยงโชค คำว่า "ไม่ประมาณตนเอง" หรือ ไม่ก็ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป สิ่งเหล่านี้ คือ การไม่ "รู้เรา" เป็นลักษณะที่เป็นมาตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน โดยเฉพาะในวัยเรียนจะเห็นได้ชัดเจน เช่น เราจบ ม. 3 วิชาวิทยาศาสตร์ไม่เก่ง คณิตศาสตร์ ก็ เกือบตก ภาษาอังกฤษก็ไม่ดี แต่วางแผนไว้ว่าจะต้องเรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัย และจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยปิด 1. จดหมายสมัครงาน โครงสร้างจดหมายสมัครงาน โครงสร้างหรือรูปแบบของการเขียนจดหมายสมัครงานมีมากมายแหลายรูปแบบ แต่ ที่สำคัญคือ ควรจะต้องระมัดระวังในเรื่องของภาษา สำนวนหลักไวยากรณ์ต้องมีความ สละสลวยพอสมควร และในที่นี้จะแบ่งโครงสร้างของจดหมายสมัครงานออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.
คุณเป็นใคร และทำไมคุณจึงเขียนจดหมายส่งไปยังบริษัท 2. กล่าวถึงความสามารถของคุณที่คาดว่าจะมีคุณค่าต่อบริษัท 3. กล่าวถึงความสนใจของคุณที่มีต่อบริษัทโดยการพูดถึงสิ่งที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณได้สละเวลาศึกษาค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับบริษัท เวลาเขียนจดหมายแนะนำไม่จำเป็นต้องเขียนเรียงลำดับข้อมูลอย่างข้างต้น ทั้งนี้ขอให้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล ที่สำคัญคือ ควรจะมีข้อมูลทั้ง 3 ให้ครบ และประโยคแรกที่เขียนจดหมายและนำควรจะมีพลังเรียกร้องความสนใจจากผู้อ่านให้ได้ ย่อหน้าสุดท้ายของจดหมายแนะนำจะต้องมั่นใจว่าได้บอกความต้องการให้กับผู้อ่านทราบ เช่น ต้องการขอใบสมัคร ต้องการขอนัดเวลาสัมภาษณ์ ฯลฯ ไม่ควรจบจดหมายอย่างลอย ๆ ไม่ชัดเจน วิธีจบจดหมายแนะนำมี 2 วิธี 1. วิธีรุก การจบจดหมายด้วยวิธีนี้คือ การบอกผู้อ่านโดยตรงว่า คุณจะโทรมาภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อจะตรวจสอบดูว่า นายจ้างหรือแผนกบุคคลสามารถที่จะกำหนดเวลาสัมภาษณ์ให้ได้หรือไม่ 2.
หัวข้ออีเมล์ล (ชื่อตำแหน่งที่สนใจสมัคร) - (ชื่อ- นามสกุล) เรียน เเผนกทรัพยากรบุคคล สิ่งที่เเนบมาด้วย Thai/English 2. เอกสารผลการเรียนและเอกสารอื่นๆ 3. รูปถ่าย ชื่อ นางสาว/นาย................... ได้ทราบข่าวการรับสมัครงานตำเเหน่ง (ชื่อตำแหน่งที่สมัคร) ของบริษัท (ชื่อบริษัท) จำกัด จากเว็บไซต์ (ชื่อเว็บไซด์)มีความสนใจในตำเเหน่งดังกล่าว จึงขอส่งเอกสารประวัติส่วนตัวมาให้พิจารณาตามไฟล์เเนบ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจติดต่อนัดสัมภาษณ์ กรุณาติดต่อที่เบอร์ 09x-xxx-xxx หรืออีเมล์ ขอเเสดงความนับถือ นางสาว/นาย............................... ตัวอย่างภาษาอังกฤษ subject email (Name of Interested Position) - Miss/Ms/Mr..........................................
โครงสร้างของจดหมายที่มีประวัติย่อแนบไปด้วย ( Covering Letter) เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มาก ๆ ควรจะเขียนเป็นจดหมายซึ่งจบใน 1หรือ 2 หน้ากระดาษ แล้วมีประวัติย่อแนบไปด้วย เพราะถ้าหากต้องการรวมรายละเอียดทั้งหมดเข้าไว้ ในจดหมายจะทำให้จดหมายฉบับนั้นยาว ซึ่งนายจ้างอาจไม่สนใจที่จะอ่านอย่างละเอียดก็ได้ หรือ อาจจะใช้กับตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูง ๆ เพื่อความน่าเชื่อถือ 2. โครงสร้างของจดหมายที่ไม่มีประวัติย่อ ( Application Letter) เหมาะสำหรับผุ้ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งสำเร็จการ ศึกษามาใหม่ ๆ หรือไม่เช่นนั้นนายจ้างเพียงแต่ระบุว่าให้ส่งจดหมายสมัครงานพร้อมรูปถ่ายเท่า นั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อาจเขียนจดหมายสมัครงานในรูปแบบนี้ซึ่งก็จะรวบรวมรายละเอียดอื่น ๆ เข้าไว้ คล้าย กับจดหมายที่มีประวัติย่อรวมอยู่ด้วย โครงสร้างจดหมายสมัครงานภาษาไทย ( ชนิดที่ 1) 1. ที่อยู่ของผู้ส่ง 2. วัน / เดือน / ปี 3. เรื่อง 4. เรียน 5. สิ่งที่ส่งมาด้วย 6. เนื้อหาของจดหมาย ย่อหน้าที่1 วัน เดือน ปี และแหล่งที่ได้รับทราบข่าวการสมัครงาน...... ย่อหน้าที่ 2 สรุปข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษากิจกรรม และความสามารถพิเศษ การฝึกงาน …….. ย่อหน้าสุดท้าย การนัดหมาย หรือ การขอเข้ารับการสัมภาษณ์......... 7.
คำลงท้ายจดหมาย 8. ลายเซ็น โครงสร้างจดหมายสมัครงานภาษาไทย ( ชนิดที่ 2) 1. เนื้อหาของจดหมาย ย่อหน้าที่1 การได้รับข่าวการสมัครงาน……………… ย่อหน้าที่ 2 ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา …………….. ย่อหน้าที่ 3 ข้อมูลประสบการณ์การทำงานและการฝึกอบรม ………………….. ตำแหน่งหน้าที่ที่เคยทำงานและเคยฝึกงาน……… ย่อหน้าที่ 4 ผู้รับรองจำนวน 2-3 คน …………………. ย่อหน้าสุดท้าย การนัดหมายให้รับการการสัมภาษณ์ หรือ การขอทดลองงาน …………… 6. คำลงท้ายจดหมาย 7.
ใครที่กำลังมองหาบริษัทที่มีสวัสดิการพิเศษ ๆ สำหรับพนักงานในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ วันนี้เรามีมาฝาก เพราะการแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันเป็นเรื่องสำคัญ เรามาดูกันว่านอกจาก LINE แล้ว มีแอปพลิเคชันสื่อสารอะไรบ้างที่เหมาะกับการติดต่อคุยงานภายในองค์กร เมื่อต้องทำงานอยู่กับบ้านนาน ๆ กิจกรรมที่เคยจัดตอนอยู่บริษัทจึงเป็นอันต้องยกเลิกไป แต่ไม่เป็นไร เพราะถึงจะ Work from Home ก็มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เล่นกับเพื่อนร่วมงานได้เหมือนกัน เคยไหม? พอถอยหลังออกมาก้าวนึงถึงเห็นว่าโปรเจกต์งานของตัวเองกำลังเดินไปผิดทางจากที่ตั้งใจ แล้วเราควรดึงให้งานกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ยังไง JobThai เอาคำตอบมาฝากแล้ว "การรอผลสัมภาษณ์" สิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับคนหางาน เพราะไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ บางครั้งเราก็อาจถอดใจไปแล้วด้วยซ้ำ JobThai เลยอยากมาอัปเดตงานน่าสนใจที่สัมภาษณ์เสร็จรู้ผลทันที!
1. จดหมายสมัครงาน คือหนังสือหรือจดหมายที่ผู้ที่ต้องการจะทำงานเขียนนั้นต่อสถานประกอบการเพื่อแสดง ความจำนงว่าตนเองต้องการจะทำงานกับสถานประกอบการนั้นในตำแหน่งใด โดยปกติจดหมายสมัครงานจะไม่เขียนเป็นข้อความยืดยาวหรือไม่แสดงประวัติส่วนตัวมากนัก ดังนั้นจดหมายสมัครงานจะเป็นเพียงจดหมายที่แสดงว่าผู้ส่งมีความประสงค์อะไรเท่านั้น 2. ใบประวัติส่วนตัว (Resume) คือหนังสือที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของผู้สมัครงานโดยเน้นแต่ส่วนที่เกี่ยวข้องหรือ ข้อมูลที่เสนอให้รับสมัครหรือ ที่สถานประกอบการจะใช้พิจารณาเรียกตัวผู้สมัครงานนั้นไป สัมภาษณ์หรือเข้าทำงาน แต่จะไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงว่าผู้สมัครงานนั้นมีความสนใจในตำแหน่ง งานใดของสถานประกอบการนั้น 3.