เตรียมจัดทำประกาศนโยบายยุทธศาสตร์พัฒนาระบบยาแห่งชาติ ปี 60-64 บูรณาการการเข้าถึงยา เร่งจัดทำแผนการพัฒนายาตามบัญชียามุ่งเป้า 1 ก. ค. เสนอกรอบรายการยาเพื่อคัดเลือกเป็นบัญชียามุ่งเป้า ชี้เป็นยาราคาแพงที่มีการใช้มาก รวมทั้งแก้ปัญหาการใช้ยาเกินจำเป็น แก้ปัญหาศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมสุขภาพอื่น พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ว่า ได้จัดทำ (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาและยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ. ศ. 2560-2564 โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ 1. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการผลิตยา สมุนไพร และชีววัตถุ เพื่อความมั่นคงทางยาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. พัฒนาระบบและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน 3. พัฒนาระบบกลไกเพื่อให้เดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 4. พัฒนาระบบควบคุมยาให้มีประสิทธิภาพระดับสากล 5.
ยามุ่งเป้า (Targeted therapy) ออกฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งผ่านหลายกลไก แต่กลไกที่สำคัญ คือ การยับยั้งขบวนการสร้างหลอดเลือดที่มาเลี้ยงมะเร็ง ในปัจจุบัน มี 2 รูปแบบ 1. 1 ยาแบบรับประทาน มีหลายชนิด อาทิ Sorafenib, Lenvatinib, Regorafenib และ Cabozantinib เป็นต้น ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยากลุ่มนี้ได้แก่ มือเท้าแห้งแตกและลอก ปวดฝ่ามือฝ่าเท้า ท้องเสีย เบื่ออาหาร และ ความดันโลหิตสูง 1. 2 ยาแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ได้แก่ Bevacizumab และ Ramucirumab ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยากลุ่มนี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง และมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ โดยเฉพาะกรณีที่ใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน 2. ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ออกฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง โดยยาที่ได้รับรองให้รักษาโรคมะเร็งตับในปัจจุบัน ได้แก่ Atezolizumab (ใช้ร่วมกับยาBevacizumab) และ Nivolumab ส่วนใหญ่ยากลุ่มนี้ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง แต่ยาภูมิคุ้มกันบำบัดอาจกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากและเกิดการอักเสบในอวัยวะต่างๆได้ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบ อย่างไรก็ตาม การเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ ลำไส้อักเสบ พบได้ไม่บ่อยนัก 3.
ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted Cancer Therapies) ทราบมาว่า ข้อดีคือเป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีมาก ผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัย แต่เนื่องจากเป็นยาค่อนข้างใหม่ ใช้เทคโนโลยีในการศึกษาและการผลิตระดับสูง ยาจึงมีราคาแพง ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งจำนวนมากตอบสนองต่อการรักษาด้วยยามุ่งเป้าดี เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเม็ดสีผิว มะเร็งไต มะเร็งระบบเลือด บลาๆ อยากสอบถามราคายาครับ ว่า 1. เข็มละเท่าไหร่? (จำได้ว่าเป็นแสนเเต่ไม่เเน่ใจตัวเลขครับ) 2. ความถี่ในการฉีด? ขอบคุณครับ แสดงความคิดเห็น
เอื้อมแข แนะนำทิ้งท้ายว่า "อย่างที่บอกว่ามะเร็งในปัจจุบันมีส่วนมาจากพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ เพราะฉะนั้น เราต้องสร้างไลฟ์สไตล์ที่กระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายขึ้นมาป้องกันก่อนเป็นมะเร็ง หมอแนะนำให้ลดเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ไขมัน น้ำตาล ทำร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และทำสมาธิให้จิตใจให้ผ่องใส ไม่เครียดไม่กังวล ก็ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานได้ในระดับหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น อุบัติการณ์ของมะเร็งก็จะน้อยลง"
ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง สิ่งที่หลายคนกังวลรองลงมาจากกลัวไม่ได้อยู่กับคนที่รักก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งใช่มั้ย เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่ามะเร็งเป็นโรคเรื้อรัง รักษายาก กว่าจะรักษาให้หายกันได้ ยิ่งนานก็ยิ่งให้เงินเยอะ ไหนจะมีค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าโน่น นั่น นี่ เยอะจนต้องยืมนิ้วคนข้างๆ มานับ บางรายก็ต้องใช้เงินเป็นล้านๆ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งกังวลไป… จริงๆ แล้วคนไทยทุกคนได้รับสิทธิการรักษามะเร็งจากรัฐด้วยนะ ซึ่งสิทธิที่ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขอะไรยังไงในการใช้สิทธินี้ เรานำข้อมูลมาฝากกันที่นี่แล้ว สิทธิการรักษามะเร็งของคนไทย แบ่งสิทธิ ดังนี้ 1. สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ: คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลของข้าราชการและครอบครัวโดยสามารถเข้ารักษาตัวได้ใน โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง 2. สิทธิประกันสังคม: คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลของเจ้าของสิทธิ (ผู้ประกันตน) สามารถเข้ารักษาตัวใน โรงพยาบาลที่เลือกลงทะเบียนไว้ 3. สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท: ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิตาม 2 ข้อด้านบน หรือสิทธิสวัสดิการรัฐวิสาหกิจหรือสิทธิอื่นๆ จากรัฐ สามารถเข้ารักษาตัวได้ใน สถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ โรงพยาบาลรัฐ สิทธิรักษามะเร็งขั้นพื้นฐานคอยดูแลเราดังนี้ 1.
การรักษาด้วยยามุ่งเป้าอาจใช้เป็นการรักษาหลัก หรือใช้ร่วมกับการรักษาประเภทอื่นๆ ด้วย เนื่องจากยามุ่งเป้าบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ความดันโลหิตสูง ท้องเสีย แผนการรักษาจึงขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้รักษาและสถานที่ที่ทำการรักษา นอกจากนี้ ยามุ่งเป้าเป็นยาที่ยังใหม่มากหลังจากใช้เวลาศึกษาและเทคโนโลยีการผลิตสูง ทำให้ยามีราคาสูงมาก โดยอาจมีราคาสูงถึง 400, 000-500, 000 บาทต่อชุด ยามุ่งเป้าใช้กับมะเร็งชนิดใดได้บ้าง?
รวมวิธีรักษามะเร็งในปัจจุบัน ผ่าตัด ฉายรังสี เคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และรักษาแนวการแพทย์เฉพาะเจาะจง พร้อมตัวอย่างราคาละเอียดยิบ! เผยแพร่ครั้งแรก 22 ก. พ. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ. ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที ปัจจุบันมีการรักษาโรคมะเร็งหลายประเภท ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและตำแหน่งที่เป็นมะเร็งว่าเหมาะกับวิธีการรักษาแบบใด ซึ่งอาจใช้การรักษาประเภทเดียวหรือใช้ร่วมกันหลายประเภทขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ดูแลรักษา ซึ่งวิธีที่นิยมกันทั่วไป รวมถึงรายละเอียดค่ารักษา มีดังต่อไปนี้ การผ่าตัดรักษาโรคมะเร็ง (Surgery) การผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งเป็นการตัดเอาชิ้นเนื้อที่เป็นมะเร็งออกจากร่างกาย การผ่าตัดมี 2 ประเภทคือ แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ ตรวจมะเร็งทั่วไปวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 2271 บาท ลดสูงสุด 6450 บาท จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม! กด ผ่าตัดเล็ก เป็นการเปิดแผลเพียงเล็กน้อย จากนั้นใช้การสอดกล้องและเครื่องมือเข้าไปภายในร่างกาย แพทย์จะคอยดูภาพจากมอนิเตอร์ด้านนอกเพื่อตัดชิ้นส่วนที่เป็นมะเร็งออกมา การผ่าตัดแบบนี้เจ็บปวดน้อยกว่าและแผลหายได้เร็วกว่าผ่าตัดใหญ่ ผ่าตัดใหญ่ เป็นการเปิดแผลเพื่อตัดเอาชิ้นส่วนที่เป็นมะเร็งออกทั้งหมด อาจรวมถึงอวัยวะรอบข้างด้วย การผ่าตัดแบบนี้จะใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า และมีความเจ็บปวดมากกว่า แต่แพทย์จะพิจารณาให้ยาชาระหว่างผ่าตัดและยาแก้ปวดขณะพักฟื้น ราคาของการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งคิดจากอะไร?
เผยแพร่: 30 มิ. ย. 2559 15:39 ปรับปรุง: 30 มิ. 2559 16:16 โดย: MGR Online รองนายกฯ ชี้ ค่าใช้จ่ายด้านยาสูงลิบ 1. 6 แสนล้านบาท เหตุนำเข้าสูง ยาในบัญชียาหลักฯ ส่วนใหญ่ยังผลิตเองไม่ได้ เร่งจัดทำร่างนโยบายระดับชาติ กำหนดบัญชียามุ่งเป้าที่มีราคาแพง คนใช้มาก ส่งออกได้ หวังส่งเสริมการวิจัยและผลิตเองในประเทศ เพิ่มการเข้าถึงยา ลดค่าใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจ พล. ร. อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 ว่า คณะกรรมการได้จัดทำร่างนโยบายแห่งชาติด้านยาและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ. ศ. 2560 - 2564 โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ 1. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาการผลิตยา สมุนไพร และชีววัตถุ เพื่อความมั่นคงทางยาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. พัฒนาระบบและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน 3. พัฒนาระบบกลไกเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 4. พัฒนาระบบควบคุมยาให้มีประสิทธิภาพระดับสากล และ 5. สร้างเสริมกลไกการประสานงานเชื่อมโยงนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง ใช้ยาสมเหตุผล ประเทศมีความมั่นคงด้านยาอย่างยั่งยืน "ปัจจุบันยาเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญของระบบประกันสุขภาพ โดยปี 2558 มีมูลค่ายารวม 162, 914 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้ายามีสัดส่วนสูงกว่าการผลิต คือ 2 ต่อ 1 และร้อยละ 37 ของรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติยังไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ ขณะที่ศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมสุขภาพอื่น จึงต้องเร่งบูรณาการมาตรการเพื่อการเข้าถึงยา ควบคุมค่าใช้จ่ายและสร้างเศรษฐกิจ โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ. )
พญ. มธุรส สุขวณิช 2. สมใจ ฉันชัยรุ่งเจริญ 3. นพ. อารยะ อดุลพันธุ์
นพ. เอกภพ สิระชัยนันท์ สาขาวิชามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล